Earning Yield Gap คือส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของหุ้นทั้งตลาด เทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปี
ซึ่งถ้า Earning Yield Gap มีค่ามาก แปลว่าผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นนั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรมากๆ ก็จะจูงใจให้คนมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น ทำให้ตลาดอาจจะเป็นขาขึ้น
ถ้า Earning Yield Gap มีค่าน้อย แปลว่าผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นนั้นน้อยหรือใกล้เคียงพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ตลาดอาจจะเป็นขาลง เพราะมีแนวโน้มที่คนจะโยกเงินไปในการลงทุนอื่นๆที่ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน และไม่มีความเสี่ยงในการเสียเงินต้นแบบหุ้น
เราต้องหา P/E ของตลาดก่อน ซึ่งสามารถดูได้ที่ เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสามารถดูได้ที่ ThaiBMA
ถ้าสมมุติว่า P/E ตลาดขณะนั้นคือ 12 เท่า เราจะบอกได้ว่า เราจะคืนทุนใน 12 ปี หรือก็คือผลตอบแทน 8.33% ต่อปี (100 ÷ 12 = 8.33) และสมมุติว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปีอยู่ที่ 2%
Earning Yield Gap จะเท่ากับ 8.33 - 2 = 6.33%
ตีความได้ว่าตลาดหุ้นยังน่าจูงใจให้นักลงทุนมาลงทุนอยู่ เพราะผลตอบแทนยังต่างกับพันธบัตรค่อนข้างสูง
ถ้าสมมุติว่า P/E ตลาดขณะนั้นคือ 30 เท่า เราจะบอกได้ว่า ผลตอบแทน 3.33% ต่อปี (100 ÷ 30 = 3.33) และสมมุติว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปีอยู่ที่ 2%
Earning Yield Gap จะเท่ากับ 3.33 - 2 = 1.33%
แบบนี้ตีความได้ว่าตลาดหุ้นมีราคาแพง เทียบกันต่างแค่ 1.33% คนก็อาจจะเลือกไปลงทุนอย่างอื่น ที่ไม่มีความเสี่ยงในการเสียเงินต้นแบบหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นอาจจะตกลงเป็นขาลง
ที่นิยมเลือกใช้พันธบัตรระยะยาว 10 ปีมาคำนวณ เนื่องจากการลงทุนในหุ้นควรเป็นการลงทุนระยะยาว คือประมาณ 10 ปีขึ้นไป จึงใช้ระยะที่เท่ากันมาเป็นตัวเปรียบเทียบ
หุ้นเป็นเพียงเครื่องมือการลงทุนอย่างนึง คุณไม่จำเป็นต้องเอาเงินทั้งหมดไปลงที่หุ้น ถ้าคุณเทียบกับการลงทุนอื่นๆแล้วเจอผลตอบแทนที่มากกว่า การลงทุนนั้นก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
© 2024 Investich. All Rights Reserved.