หลายคนจะคิดว่าหุ้นคือการพนัน ตัวเลขสีเขียวแดง ราคาขึ้นลง ซื้อถูกก็ได้กำไร ซื้อผิดก็ขาดทุน แต่ความจริงแล้วหุ้นไม่ใช่เพียงราคาขึ้นลง เบื้องหลังของหุ้นคือธุรกิจ การซื้อหุ้นคือการที่ เรามีสิทธิเป็นเจ้าของส่วนนึงของธุรกิจ
ถ้าธุรกิจที่เราซื้อมีกำไร เราจะได้ผลตอบแทนมาในรูปแบบของเงินปันผล ถ้าธุรกิจมีอนาคต กำไรเติบโตดี เงินปันผลที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อเงินปันผลเพิ่มขึ้นจนคนในตลาดมองว่าถูกเกินไปสำหรับราคาหุ้นเดิม คุ้มค่าที่จะซื้อ คนก็จะมาซื้อหุ้นนั้นจนทำให้ราคามันขึ้นนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะซื้อหุ้นสักตัว เราต้องมองที่ธุรกิจเบื้องหลังหุ้นตัวนั้น ถ้าธุรกิจเติบโตดีมีอนาคต เดี๋ยวมันจะสะท้อนกลับมาในราคาหุ้น รวมถึงเงินปันผลเอง
มาดูตัวอย่างกัน
ด้านบนคือกราฟราคาของหุ้น BlackBerry ที่ขายมือถือ เมื่อก่อนจะดังมาก ใครๆก็ใช้ BlackBerry ทำให้ผลประกอบการในช่วงนั้นจะดีมาก ทำให้ช่วงปี 2549 จากราคา 20$ กว่าๆต่อหุ้น พุ่งสูงไปถึง 130$ กว่าต่อหุ้น แต่เมื่อการมาของ iPhone ทำให้ BlackBerry ไม่มีคนใช้แล้ว ผลประกอบการไม่ดี รายได้ลด กำไรลด สุดท้ายมันก็จะสะท้อนกลับมาที่ราคาหุ้น ทำให้ราคาตกลงมาเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อหุ้นในปัจจุบัน
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ และคุณต้องการขยายธุรกิจ คุณจำเป็นต้องใช้เงิน นอกเหนือจากการกู้ธนาคารที่อาจจะทำให้มีต้นทุนดอกเบี้ยสูง อีกวิธีที่ทำได้คือการระดมทุนผ่านคนจำนวนมาก โดยการเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
การเข้าตลาดครั้งแรกจะเรียกว่า IPO (Initial Public Offering) ซึ่งเป็นตลาดหลัก (Primary Market) คือการซื้อขายระหว่างนักลงทุนกับบริษัทที่ต้องการเงินทุน
หลักการของมันก็คือ นักลงทุนก็จะจ่ายเงินให้กับบริษัท ผ่านการซื้อหุ้น นักลงทุนก็จะมีสิทธิเป็นเจ้าของส่วนนึงของบริษัท บริษัทก็จะได้เงินไปขยายธุรกิจต่อ ถ้าธุรกิจมีกำไรก็จะจ่ายเงินปันผลคืนแก่ผู้ถือหุ้น ตามจำนวนหุ้นที่ถือ
หลังจากจบขั้นตอน IPO หุ้นจะถูกนำไปอยู่ในตลาดรอง (Secondary Market) ขั้นนี้จะเป็นการซื้อขายระหว่างนักลงทุนกับนักลงทุน ในกระดานเทรดของตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง
© 2024 Investich. All Rights Reserved.